“ ผมอยากแบงปนความสุข

และเปนกำลังใจแกทุกท่าน ”

ผมชื่อ อ.ไววิทย์ แสงอลังการ หรือคนส่วนใหญ่มักจะเรียก “อ.ไวท์” ตลอด 12 ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากรรับเชิญ ผู้นำการสัมมนามามากกว่า 1,000 องค์กร ในหัวข้อด้านการบริการ การพัฒนาตนเอง สร้างทัศนคติเชิงบวก การทำงานเป็นทีม การนำเสนอ การเป็นวิทยากร และอื่นๆ อีกมากมายตามหัวข้อใน Course Outline ผมจึงคิดว่า เราน่าจะส่งต่อความปรารถนาดี โดยการแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ที่ไปพบเจอ ไม่ว่าจะเป็น แนวความคิดในการพัฒนาตนเอง หลักสูตรต่างๆ บทความต่างๆ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว รูปถ่ายสวยๆ และ รูปภาพวาดที่เป็นงานอดิเรกที่กำลังฝึกหัดอยู่ มาถ่ายทอด และแบ่งปัน กับคุณผู้อ่าน เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์สุขต่อไป...  ผมมีความมุ่งหมายที่อยากให้เว็ปนี้ได้แบ่งปันความสุข เป็นกำลังใจแก่ทุกคน และยินดีที่จะสนับสนุนทุกคนให้ประสบความก้าวหน้า สำเร็จอย่างเปี่ยมสุข

กับชีวิตในปัจจุบัน
ปัจจุบันเป็นวิทยากรอิสระครับ ไม่ได้สังกัดสถาบันหรือบริษัทใดครับ แต่มีหลายสถาบันเหมือนกัน ที่ให้เกียรติเชิญผมไปบรรยายอยู่บ่อยๆ เช่น  TPA (สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทยญี่ปุ่น), HR Center, Siam HR, People Synergy, TMA (สมาคมการจัดการ), Hipo Training และสถาบันอื่นๆ อีกบ้างครับ รวมทั้งยังเป็น MD. บริษัท Service Professional 
นอกจากนี้ ความภูมิใจที่ผมอยากแนะนำตัว คือ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่แสนจะมีความสุข 

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Inhouse Training ?

อืม … มีทั้ง 2 ส่วนครับ ทั้ง Inhouse และ Public ที่เป็น Public ก็ตามที่ได้แจ้งไปคือไปบรรยายในนามของสถาบันต่างๆ ส่วนของ Inhouse ก็จะมีทั้งไปในนามของสถาบันและลูกค้าเชิญมาเป็นส่วนตัวครับ

หลักสูตรที่บรรยาย ?

หลักสูตรที่บรรยายค่อนข้างเยอะ ผมขอแบ่งเป็น 3 หัวข้อใหญ่ๆ ก็แล้วกันนะครับ

   1. หลักสูตรทางด้านการให้การบริการ ไล่ตั้งแต่ ปลูกจิตสำนักใจบริการ การสื่อสารสร้างความประทับใจ บุคลิกภาพการให้บริการ การพัฒนาการให้บริการ มุมมอง Service Business; การบริหารจัดการ Service Business; Service Innovation… และทุกมุมมองที่เกี่ยวกับการบริการ รวมทั้ง Call Center, CRM, CEM ฯลฯ จนช่วงหลังๆ ก็มีรายการวิทยุ โทรทัศน์ เชิญไปพูดเกี่ยวกับการบริการในยุคปัจจุบัน... ล่าสุด ก็มีคนเชิญไปเป็น Commentator การประกวดแผนดำเนินการพัฒนาการบริการด้วย... สนุกดีครับ

   2. หลักสูตรทางด้านการพัฒนาตนเองและทีมงาน เริ่มตั้งแต่ การสร้างทัศนคติเชิงบวกในการทำงาน การสร้างแรงจูงใจ การสื่อสาร การสร้างมนุษยสัมพันธ์ การทำงานเป็นทีม การนำเสนองาน การเป็นวิทยากร การสอนงาน

  3. หลักสูตรทางด้านการจัดการ เช่น การพัฒนาความเป็นผู้นำ, หลักสูตรสำหรับพัฒนาหัวหน้างานและการเตรียมความพร้อมในการเป็นหัวหน้างาน การบริหารความขัดแย้ง การบริหารการเปลี่ยนแปลง 

ส่วนใหญ่ผมจะเน้นหลักสูตรที่เป็นการสร้างกำลังใจ สร้างทัศนคติในเชิงบวก เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดแรงบันดาลใจ และมีความสุขในการทำงาน

ลูกค้าที่เคยเข้ารับการสัมมนากับอาจารย์ ?

ผมเริ่มเป็นวิทยากรเมื่อประมาณปลายปี 2006 ต่อเนื่องกับปี 2007 ถ้านับลูกค้าที่เคยเข้าสัมมนากับผม ทั้งติดต่อมาโดยตรง และผ่านสถาบันต่างๆ ผมคิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 400 บริษัทได้ครับ บางบริษัท ผมโอกาสบรรยายให้พนักงานทั้งบริษัท เป็นสิบๆรุ่นก็มี อันนี้ไม่ได้รวม Public Training นะครับ

บางเดือนผมต้องบรรยายติดต่อกัน 2-3 สัปดาห์โดยไม่มีวันหยุด แต่ผมชอบนะครับ ผมว่ามันส์ดี นี่คือชีวิต นี่คือสิ่งที่ผมรัก ผมคิดว่าถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารักเราจะมีความสุขกับมัน และทำได้ตลอดโดยไม่เบื่อครับ บางครั้งผมต้องเดินทางติดต่อกันหลายจังหวัด หรือบางครั้งต้องข้ามภาคเลยก็ยังมี ขึ้นเครื่องจากภาคเหนือ มาลงภาคใต้ ตระเวนบรรยายภาคใต้ แล้วก็ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ วันต่อมาขับรถไปบรรยายต่อระยอง ชลบุรี เป็นแบบนี้บ่อยๆ จนเป็นชีวิตปกติของผมแล้วครับ สนุกมากครับ ได้พบลูกค้ามากมายหลากหลายธุรกิจ ได้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ได้พูดคุยกับผู้บริหารจากหลายๆ หน่วยงาน ผมว่าโอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีกันได้ง่ายๆ เลยครับ นับเป็นโชคดีของผมที่ได้มาอยู่ตรงจุดนี้ครับ

ทำยังไงถึงมีลูกค้ามากมายขนาดนี้คะ ?

จริงใจครับ … จริงใจกับงานที่ทำ จริงใจกับคนที่เราทำงานด้วย จริงใจกับผู้เข้าสัมมนา ผมอาจจะมอง ต่างกับอาจารย์อื่นๆ ตรงที่ผมไม่ได้มองตัวผมเองในตำแหน่งของครู อาจารย์ ผู้หยั่งรู้ หรือคนที่รู้มากกว่าคนอื่น แต่ผมมองว่าผู้เข้าสัมมนาคือผู้ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ครับ โดยผมอาจจะเป็น ผู้จุดประกายหรือเปิดประเด็นให้ผู้เข้าสัมมนาได้คิด ได้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด ให้เค้าได้รู้ว่าที่เค้าเป็นอยู่หรือมีปัญหาอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องธรรมดาเพราะผมและคนอื่นๆ ก็เคยมีปัญหา เคยผ่านปัญหาเช่นพวกเขาเหล่านั้น ดังนั้นบรรยากาศในการสัมมนาก็จะประมาณเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว ทำความรู้จัก เล่นเกมส์ เพื่อเป็นการละลายพฤติกรรมแล้วผมจึงจะบรรยายถึงหัวข้อต่างๆ ที่ผู้เข้าสัมมนา อาจจะยังไม่รู้ หรือบางท่านอาจจะรู้แล้วจากการได้ยินได้ฟัง หรือการผ่านอ่านหนังสือ แต่ยังไม่สามารถ นำมาใช้ได้จริง (รู้เป็นทฤษฏี) ผมจะบรรยายสลับกับการยกตัวอย่างจริงจากผู้เข้าสัมมนาเอง หรือจากประสบการณ์ ของตัวผม  และเป็นการถามตอบจากประสบการณ์จริงของผู้เข้าสัมมนาในแต่ละครั้ง เพื่อให้ผู้เข้าสัมมนา ได้ประโยชน์สูงสุดและสามารถนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตจริงครับ

อย่างนึงที่ผมทำเสมอในทุกๆ การสัมมนาคือการสร้างบรรยากาศให้เป็นกันเอง และทำให้บรรยากาศการสัมมนา สนุกสนานไม่ตึงเครียด เพราะผมเชื่อว่าการสัมมนาหรือการเรียนรู้ที่ดีนั้น ย่อมต้องมาพร้อมความสุขที่จะได้รับ เมื่อผู้เข้าสัมมนาไม่เครียดและมีบรรยากาศที่เป็นกันเองกับผู้เข้าสัมมนาอื่นๆ เค้าก็จะสามารถรับข้อมูล ที่ผมจะเล่าให้เค้าฟังและต้องการนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ครับ 

ไม้เด็ดของผมคือ ผมมีวิธีการที่จะสามารถทำให้ผู้เข้าสัมมนารู้สึกว่าเค้ายังสามารถทำอะไรต่ออะไรได้อีกมากมาย และยังมีอะไรอีกมากที่เค้ายังไม่เคยได้ทำ เค้าจะได้รู้ว่าศักยภาพที่แท้จริง ที่เค้ายังไม่เคยดึงออกมาใช้นั้น มันมีมหาศาลเพียงใด ถ้าเพียงแต่เค้ายอมดึงมันออกมาใช้ ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเค้าและองค์กรของเค้า อย่างที่บางครั้งผู้เข้าสัมมนาบางท่านถึงกับแปลกใจในศักยภาพของตนเอง 

มีผู้เข้าสัมมนาท่านหนึ่งได้เคยบอกว่า “ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะสามารถทำได้ ในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่” ครั้งนั้นเป็นหลักสูตร Train the Trainer ครับ และผู้เข้าสัมมนาท่านนั้นเป็นคนขี้อายมาก มากเสียจน ไม่คิดว่าตัวเองจะยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนได้ ตลอดเวลาเค้าปฏิเสธการพูดต่อหน้าผู้อื่นมาตลอด แต่เมื่อถึงไฟท์บังคับ ผู้บังคับบัญชาจึงจำเป็นต้องส่งเค้ามาเข้าหลักสูตรนั้นกับผม … หลังจากการสัมมนาผ่านไป 1 วัน และในวันที่ 2 จะต้องเป็นวันที่ผู้เข้าสัมมนาจะต้องผลัดกันออกมา present ต่อหน้าเพื่อนๆ  ซึ่งที่จริงน่าจะเป็นวันที่ต้องเครียด สำหรับใครหลายๆ คน แต่แทบจะทุก class ที่ผมบรรยาย บรรยากาศกลับตรงกันข้ามครับ มักจะเป็นบรรยากาศ ที่สนุกสนาน ตื่นเต้นน่าสนใจ จนผู้ที่ออกมา present หลายคนไม่รู้สึกประหม่า และสามารถ present ผ่านไปได้ด้วยดี จนบางท่านถึงกับตื้นตัน และต้องกล่าวประโยคข้างต้นออกมาต่อหน้าที่ประชุม ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจมากครับ

สิ่งสำคัญที่สุด ที่ผมในเข้าไปในงาน คือ ผมพยายามสร้างกำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้เข้าฝึกอบรม ... มีงานสัมมนาครั้งหนึ่ง ตัวแทนผู้เข้าอบรมได้กล่าวปิดว่า “ขอบคุณ อ.ไวท์ ที่มอบทั้งสาระความรู้ และที่สำคัญ คือ แรงบันดาลใจ... สาระความรู้ สักพักอาจจะลืมไปได้ แต่แรงบันดาลใจนี่สิ จะอยู่กับเราตลอดไป...”

ฟังดูชีวิตน่าอิจฉาจังค่ะ 

ครับ .. ผมยังอิจฉาตัวผมเองเลยครับ (หัวเราะ) ผมค่อนข้างโชคดี ที่ค้นพบตัวเอง และมีความสุขกับงานครับ มีบางคนเคยบอกว่า ให้ใช้ชีวิตเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการมีชีวิตอยู่ ผมเคยถามตัวเองว่า แล้วถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของผม ผมจะทำอะไร คำตอบก็คือ … “ก็ทำอย่างวันนี้แหละครับ” (ยิ้ม)

เกี่ยวกับครอบครัว ?

ผมสมรสแล้วครับ มีลูกชาย 1 คน ชื่อน้องไบรท์ครับ เรียนอยู่ ม.2 น่ารักหล่อเหมือนพ่อ (ยิ้ม)  สำหรับผม “ครอบครัว” เป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต ที่สำคัญที่สุดเลยครับ

บทเรียนที่อยากจะฝากไว้ 

หนึ่ง มีความผัน และมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง ... สอง มองโลก มองตัวเอง และ คนอื่นในเชิงบวก ... สาม รักตัวเองให้มาก.... สี่ รักและใส่ใจ คนที่ใกล้ชิด และ สุดท้าย มีชีวิตที่เพียงพอ แล้วทุกอย่างจะพอเพียงสำหรับเรา

ทำได้เพียงนี้ ... ผมรับรองครับว่าคุณผู้อ่านจะมีความสุขอย่างแน่นอน....